วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Wed - May 11, 2016 : “The Consciousness Bridge”



Krakow, Poland  :  “The Consciousness Bridge”

Wednesday - May 11, 2016

The Consciousness Bridge  :

Greetings, dear ones, I am Kryon of Magnetic Service.  เราอยากให้การสื่อความที่ดูเหมือนเป็นวิทยาศาสตร์แก่คุณ แต่มันไม่ใช่ วันนี้คู่หูของเราได้เล่านิทานเรื่องการเดินทางกลับบ้าน เป็นการเล่าเรื่องในหนังสือของครายออนเมื่อหลายปีก่อน ในหนังสือเล่มนั้นมีผู้ชายชื่อว่า ไมเคิล โธมัส ตลอดทางเขาถูกไล่ล่าโดยบางสิ่ง นั่นคือตัวตนที่ต่ำกว่าของเขาเอง ดังนั้นในนิทานเรื่องนี้เขาจึงถูกแยกออกเป็นสองส่วน จิตสำนึกระดับต่ำของเขาและจิตสำนึกระดับสูงของเขา และนั่นคือฟิสิกส์
เราอยากอธิบายมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และให้ข้อมูลแก่คุณเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังมา ถ้าเราพูดคำว่า “ไฟฟ้า” กับคุณ คุณคิดถึงอะไร คุณคิดถึงสิ่งที่เป็นอันตรายต่อคุณที่อยู่ในสายไฟ หรือคุณคิดถึงแสงสว่างซึ่งเป็นผลผลิตของไฟฟ้า คำๆเดียวเกี่ยวกับพลังงานสามารถมีความหมายได้หลายอย่าง พลังงานก็เป็นอย่างนั้น มันสามารถเป็นได้หลายอย่าง
ตอนนี้ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งหนึ่งในหลายๆสิ่งนั้น มันแก่กล้าขนาดไหน ปริมาณที่ไหลในสายไฟมากแค่ไหน กระแสการไหลเป็นแบบไหน กระแสไฟแบบไหน กระแสตรงหรือกระแสสลับ มีความหลากหลายมากมาย คุณไม่สามารถพูดได้แค่เพียงคำว่าไฟฟ้า ถ้าคุณต้องการอธิบายมัน คุณต้องรู้ในสิ่งที่คุณพูดทั้งหมด
เมื่อคุณพูดถึงจิตสำนึกของมนุษย์ มันก็เหมือนกัน ประการแรก หลายคนไม่ได้ให้คุณสมบัติทางพลังงานแก่มัน แต่คนจำนวนมากขึ้นบนโลกตระหนักว่ามันคือพลังงาน นี่คือสิ่งที่คุณไม่รู้ และเรากำลังจะอธิบายสิ่งนี้ เพราะว่าจิตสำนึกคือฟิสิกส์ และมีจิตสำนึกหลายแบบ วันหนึ่ง เมื่อคุณสามารถวัดมันได้ด้วยเครื่องมือ เราเคยพูดมาก่อน เราถึงกับบอกคุณว่ารูปแบบมันเป็นอย่างไร เมื่อคุณสามารถมองเห็นจิตสำนึกได้ มันจะมีส่วนย่อยๆ มีรูปแบบ คุณอาจพูดได้ว่ามันมีแรง คุณอาจพูดได้ว่ามันมีสนามพลังรอบตัวมัน
ดังนั้นจิตสำนึกจึงมีหลายแบบ ทั้งจิตสำนึกระดับสูงและระดับต่ำ ในอดีตคุณทำผิดพลาดเพราะว่าคุณไม่เข้าใจจิตสำนึก คุณคิดว่าจิตสำนึกระดับต่ำไม่มีอำนาจหรือพลังงานมากนัก มันอยู่ในความมืด และคุณคิดว่าจิตสำนึกของแสงสว่างมีพลังงานมากมายมหาศาล ตอนนี้เราจะเพิ่มสิ่งนี้เข้าไปในปริศนาด้วยการบอกคุณบางอย่าง ว่าแสงสว่างเป็นฝ่ายกระทำ ความมืดเป็นฝ่ายถูกกระทำ ดังนั้นแสงสว่างจึงมีพลังงานมากกว่าความมืด แต่ที่รัก ความมืดมีพลังอำนาจมากมาย ถ้าคุณมีจำนวนคนที่ฝักใฝ่พลังงานระดับต่ำมากพอ คุณจะมีพลังอำนาจมากมายมหาศาล
จิตสำนึกระดับต่ำอยู่บนโลกปกครองโลกมาเป็นเวลานาน แสงสว่างอาจมีพลังอำนาจมากกว่า แต่ถ้ามีจำนวนไม่มากพอ ความมืดจะชนะ จิตสำนึกระดับต่ำมีคุณสมบัติอย่างอื่น และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เราอยากพูดถึง เพราะว่าเราไม่เคยพูดถึงมันในรายละเอียดมาก่อน คุณอาจเคยได้ยินเราพูดว่า จิตสำนึกระดับต่ำไม่สามารถมองเห็นได้สูงกว่าตัวมันเอง ดังนั้น จิตสำนึกในความเป็นจริงมิติตัวเลขหลักเดียวจึงไม่สามารถมองผ่านตัวมันได้ ถ้ามนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกสี่มิติ พวกเขาจะไม่สามารถจินตนาการได้มากกว่านั้น ดังนั้นเราจึงอยากพูดถึงสิ่งนั้น เพราะว่าทั้งหมดอยู่รอบตัวคุณ
เมื่อเราได้อธิบายเรื่องการเดินทางกลับบ้าน คุณมีส่วนระดับต่ำของจิตสำนึกของไมเคิล โธมัส และจิตสำนึกนั้นไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ไมเคิล โธมัสกำลังทำ เพราะว่าไมเคิล โธมัสสนใจที่จะเรียนรู้ความเป็นจริงหลากมิติ เนื่องจากตัวตนระดับต่ำของเขาอยู่ในมิติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันไม่สามารถรู้สิ่งนั้นได้ ให้เราบอกคุณว่ามันเป็นอย่างไร ตัวตนระดับต่ำของเขาอยู่ในโลกขาวดำ ตัวตนระดับสูงอยู่ในโลกแห่งสีสัน ถ้ามนุษย์ไม่เคยเห็นสีมาก่อน มันยากที่จะอธิบายแดง เขียว น้ำเงินใช่ไหม อันที่จริง มันไม่มีความหมาย เราอยากบอกคุณเกี่ยวกับ กฎ กระบวนการ และสัจพจน์ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยพูดมาก่อน
การเพิ่มขึ้นของจิตสำนึกจะเริ่มสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างมิติระดับสูงและต่ำ มีชิ้นส่วนบางชิ้นขาดหายไปนานมาแล้ว ของปริศนาที่น่าสนใจที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดๆ ฟัง ที่นี่ คุณอยู่บนโลกในแบบสี่มิติ คุณมีจิตใจและวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดมาก คุณมีคนฉลาด พวกเขามองออกไปในแกแลกซี่ และพวกเขามองเห็นผลของฟิสิกส์หลากมิติ แต่โลกเป็นโลกขาวดำ สี่มิติ กำลังมองไปที่สิ่งที่มีมากกว่านั้นมากในอวกาศ แล้วนักวิทยาศาสตร์ทำอย่างไรกับสิ่งนี้ คุณอาจพูดว่าพวกเขามองออกไปที่แกแลกซี่หลากมิติแล้วก็ร้อง ว้าว ดูนี่สิ แต่พวกเขาไม่ได้ทำ เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจมันหรือเห็นมันได้
จิตสำนึกของพวกเขาอยู่ในโลกขาวดำ เราพูดอย่างนี้มานานแล้วว่า สีสันกำลังมา มันหมายความถึงการเพิ่มขึ้นของจิตสำนึกของมนุษย์ ทีนี้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณมีสีสัน ตอนนี้เมื่อคุณมองเข้าไปในแกแลกซี่ และคุณสามารถมองเห็นความเป็นหลากมิติของมัน แต่คุณไม่ได้มีจิตสำนึกที่สูงเหมือนตอนนี้ นี่คือสิ่งที่เรากำลังจะบอกคุณ ไม่สำคัญว่าจิตสำนึกของคุณจะอยู่สูงขนาดไหน เมื่อคุณมองเข้าไปในแกแลกซี่ คุณจะเห็นได้แค่ที่จิตสำนึกของคุณอนุญาตให้เห็นเท่านั้น นั่นคือชิ้นส่วนที่ขาดหายไป
ทำไมนักวิทยาศาสตร์จึงไม่สามารถเห็นได้มากกว่าสิ่งที่คาดหวังว่าจะได้เห็น ตอนนี้ เรากำลังจะให้บางสิ่งแก่คุณ เราเคยพูดมาก่อน ที่พิสูจน์การบ่งชี้ของเรา นักวิทยาศาสตร์มองดูอวกาศมานานแล้ว หลายปีก่อน นักดาราศาสตร์หญิงคนหนึ่งได้ค้นพบบางสิ่ง มันไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น เธอมีชื่อว่าเวรา รูบิน(Vera Rubin) เธอมองเข้าไปในความเร็วในการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่างๆ ที่โคจรรอบๆศูนย์กลางแกแลกซี่ แล้วเธอก็พบบางสิ่งที่ลึกซึ้ง สิ่งที่ไม่เข้ากับกฎใดๆที่คุณมีในทางฟิสิกส์บนโลก
ก่อนที่เราจะบอกว่าเธอค้นพบอะไร เรามาทบทวนเกี่ยวกับฟิสิกส์สี่มิติกันเล็กน้อย ที่นำเสนอโดยนิวตันและเคปเลอร์ มันต้องทำกับมวล แรงดึงดูดและระยะทาง มันเป็นวิธีที่สุริยะจักรวาลของคุณดำเนินไป มันเป็นฟิสิกส์พื้นฐานเบื้องต้น จากมวลของดาวเคราะห์และระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์จะเคลื่อนที่ช้าลงเมื่อมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้น เมื่อพวกมันโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าจะโคจรเร็วกว่า สิ่งที่ตัดสินว่าดาวเคราะห์จะเป็นอย่างไรก็คือมวล นั่นคือวิธีการทำงานของระบบสุริยะจักรวาล ดังนั้น ความเร็วในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกและดาวดวงอื่นจะแตกต่างกัน
ตอนนี้ เวรา รูบิน ได้ค้นพบบางสิ่งที่น่าทึ่งมาก เธอกำลังดูความเร็วในการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่างๆที่โคจรรอบกลางแกแลกซี่ คุณรู้สิ่งนี้ เราไม่ได้พูดว่าจุดศูนย์กลางหรือหลุมดำ เพราะว่าในตอนนี้คุณไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น เธอพบว่าดาวทุกดวงที่โคจรรอบศูนย์กลาง โคจรด้วยความเร็วเท่ากัน มันไม่เหมือนกับระบบสุริยะจักรวาลแต่อย่างใด มันไม่เป็นอย่างที่นิวตันพูดหรือเคปเลอร์พูด มันแตกต่างกันกับกฎของฟิสิกส์ที่คุณเคยเห็นมาก่อนอย่างเต็มที่
เราจะบอกคุณว่านักดาราศาสตร์สี่มิติทำอย่างไรกับมัน ตอนนี้จำไว้ว่า จิตสำนึกระดับต่ำไม่สามารถมองเห็นได้สูงกว่าตนเอง และกฎของฟิสิกส์มีความสมบูรณ์แบบ ดังนั้น นักดาราศาสตร์ในวันนั้นต่างก็พิจารณาหลักฐานของเธอ แล้วพูดว่าเราค้นพบพลังงานใหม่แล้ว มันต้องเป็นพลังงานมืดที่เรามองไม่เห็น เราไม่เข้าใจ ที่มีผลกระทบต่อกฎของนิวตันและเคปเลอร์ พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าพวกเขาเห็นสีสัน แล้วก็นำกฎแบบขาวดำมาอธิบายมัน จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังเชื่อว่าพวกเขากำลังมองเหตุการณ์แบบสี่มิติ ด้วยพลังงานพิเศษ
แม้ว่าพวกเขาจะเห็นมัน พวกเขาไม่เข้าใจ เมื่อสัตว์ร้ายไล่ล่าไมเคิล โธมัส สัตว์ร้ายก็คือตัวตนระดับต่ำของไมเคิล โธมัส มันเห็นได้แต่เพียงพลังงานระดับต่ำ มันอยู่ในโลกขาวดำ และในนิทาน ไมเคิล โธมัส อยู่ในโลกที่มีสีสัน และเราจะบอกคุณว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นบนโลก มีการวิวัฒนาการของจิตสำนึก นั่นหมายความว่ารูปแบบต่างๆกำลังเปลี่ยนแปลง เส้นแรงแม่เหล็กของโลกจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ มนุษย์กำลังเริ่มวิวัฒนาการ
คุณเชื่อหรือเปล่าว่า จิตสำนึกสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นกายภาพได้ เรามาพูดเรื่องนี้กัน ผู้รู้ที่คุณนับถือ สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่งได้ แค่ด้วยการมองสิ่งนั้น พวกเขาสามารถเปลี่ยนมันไปเป็นสิ่งอื่นได้ ผู้คนก้มลงกราบที่แทบเท้าของพวกเขา แล้วก็พูดว่าปาฏิหาริย์ พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเขาเห็นอะไร พวกเขาเห็นผู้รู้อยู่ในโลกแห่งสีสัน
จิตสำนึกระดับสูงเป็นหนึ่งเดียวกับวัตถุ และเนื่องจากจิตสำนึกเป็นฟิสิกส์ จิตสำนึกระดับสูงสามารถควบคุมคุณสมบัติทางกายภาพได้ คุณอาจเถียงว่านั่นมันเมื่อหลายพันปีก่อน เราจะบอกคุณบางอย่าง มีผู้รู้ที่มีชีวิตอยู่บนโลกในตอนนี้ที่สามารถทำอย่างนี้ได้ เขาเพิ่งตายจากเราไปได้ไม่นาน และตอนนี้เรามีเขาอยู่ทางฝั่งของเราในประเทศอินเดีย เขามีชื่อว่า ไส บาบา เขาเป็นมนุษย์ที่สามารถผลิตสิ่งต่างๆออกมาจากมือของเขาได้ สามารถควบคุมวัตถุได้ตามปรารถนา
ที่รัก เราอยากบอกคุณบางอย่าง นี่คือตัวอย่างของมนุษย์ที่อยู่ในโลกแห่งสีสัน ภาวะหลากมิติไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นปาฏิหาริย์ มันคือที่ๆคุณกำลังจะไป มันคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในห้องนี้มีคุณแม่บ้างไหม คำตอบก็คือ มี ถูกต้องใช่ไหม คุณเห็นความแตกต่างในตัวหลานของคุณที่ลูกของคุณไม่มีหรือเปล่า พวกคุณส่วนใหญ่จะตอบว่า ใช่ พวกเขาแตกต่างกันมาก หลายอย่างในคนเพียงรุ่นเดียว และในพลังงานใหม่นี้ เด็กเหล่านั้นพิเศษมาก พวกเขามีปัญญาที่ลูกของคุณไม่มีตอนอายุเท่ากัน ที่จะเริ่มสร้างสะพานข้ามช่องว่างทางฟิสิกส์ที่คุณไม่เข้าใจ
จิตสำนึกระดับสูงจะเข้าใจฟิสิกส์ระดับสูงโดยอัตโนมัติ เมื่อนักวิทยาศาสตร์รู้จักตนเองมากขึ้น ในสิ่งที่เราเรียกว่าฟิสิกส์ทางเลือกอื่น พวกเขาจะมีแนวคิดใหม่ และแนวคิดใหม่จะเริ่มอธิบายเหตุการณ์ทางควอนตัม คุณไม่รู้สึกประหลาดใจเลยหรือ ที่คุณอยู่ในจักรวาลหลากมิติแต่คุณมองไม่เห็นมัน เป็นเพราะจิตสำนึกระดับต่ำไม่สามารถมองเห็นได้สูงกว่าตัวมันเอง ดังนั้น จงเตรียมพร้อมสำหรับการค้นพบใหม่ๆ ไม่ใช่เพราะมนุษย์ฉลาดขึ้น แต่เป็นเพราะจิตสำนึกมีแสงสว่างมากขึ้น การยกระดับเป็นเหตุของสิ่งนี้
เราเคยสื่อความหลายครั้งเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างความมืดและแสงสว่าง เราเรียกมันว่าการแผ่รังสีความมืดและแสงสว่างบนโลก มีแสงสว่างมากกว่าที่เคยเป็นมา ประชากรของโลกจะค่อยๆมีเมตตามากขึ้น นั่นได้สร้างปัญหาในตัวของมันเอง การยกระดับกำลังก้าวหน้าไป ที่รัก สีสันกำลังมา วันหนึ่งคุณจะมีทางออกใหม่ที่ดีกว่าในการแก้ปัญหาชีวิตของคุณ คุณจะมีความสงบมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น แม้แต่คนที่กำลังฟังในตอนนี้ก็สามารถเริ่มสร้างจิตสำนึกระดับสูงที่พวกเขาจะมาเกิดกับมัน เนื่องจากการยกระดับได้สร้างสิ่งนั้น
เราเคยบอกคุณเกี่ยวกับเครื่องมือใหม่ที่อยู่ที่นี่ เกี่ยวกับจุดดึงและจุดผลักที่กำลังเปิดขึ้นเพื่อคุณ ทั้งหมดนี้ด้วยเหตุผลเดียว เพื่อให้จิตสำนึกของคุณเริ่มมีความถี่สูงขึ้นและมีแสงสว่างมากกว่าที่เคยเป็นมา มันเป็นข่าวดีที่สุดที่เราสามารถให้แก่คุณได้ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังดำเนินไปที่นี่ และหลายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์อย่างมาก

And so it is.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น